อ้างอิง
วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2556
ข้าวสารเถา
กลุ่มยารักษาตา
คางทูม แก้ปวดหู
ข้าวสารเถา
ชื่อวิทยาศาสตร์ Raphistemma pulchellum
Wall.
วงศ์ ASCLEPIADACEAE
ชื่ออื่น ข้าวสารดอกใหญ่
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้เลื้อยมียางขาว ใบเป็นใบเดี่ยวเรียงตรงข้าม
รูปไข่หรือรูปหัวใจ โคนใบเว้า ปลายใบแหลมเป็นหาง ขอบใบเรียบ ขนาดกว้าง 4-15 ซม.
ยาว6-20 ซม. บริเวณกลางใบด้านบนมีขนขึ้นเป็นกระจุก ก้านใบ ยาว4-12 ซม.
ดอกสีขาวหรือครีมออกเป็นช่อซี่ร่มตามซอกใบ ช่อหนึ่งมีดอก4-10 ดอก ก้านช่อดอกยาว
6-10 ซม. กลีบเลี้ยงมี 5 กลีบรูปขอบขนานโคนเชื่อมติดกัน
กลีบดอกเชื่อมกันเป็นรูประฆัง แยกเป็น 5 แฉก มีเส้าเกสรสีขาวตรงกลาง
ดอกบานเต็มที่กว้างประมาณ 4 ซม. ผลเป็นฝักรูปโค้ง เมล็ดรูปไข่มีขนเป็นพู่ยาวได้ถึง
4 ซม.
ส่วนที่ใช้ ราก
สรรพคุณ ใช้รากปรุงเป็นยา หยอดรักษาตา แก้ตาแดง ตาแฉะ
ตามัว
เถาเอ็นอ่อน
กลุ่มสมุนไพรแก้ฟกช้ำ
ข้อเคล็ด ปวดข้อ เส้นเอ็นพิการ
เถาเอ็นอ่อน
ชื่อวิทยาศาสตร์ Cryptolepis buchanani Roem.&Schult.
วงศ์ Asclepiadaceae
ชื่ออื่น กวน
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้เลื้อยพาดพันต้นไม้อื่น
เปลือกเถาเรียบสีน้ำตาลอมดำ พอแก่เปลือกจะหลุดล่อนออกเป็นแผ่น ทุกส่วนของต้นมี
น้ำยางสีขาว ใบ เป็นใบเดี่ยวออกตรงข้ามกัน ใบรูปรี ปลายใบมนมีหางสั้น โคนใบสอบ
หลังใบเรียบเป็นมันและลื่น ท้องใบเรียบสีขาลนวล ก้านใบสั้น ดอก ออกเป็นดอกช่อ
ตามซอกใบ ดอกย่อยสีเหลืองอ่อน กลีบดอก 5 กลีบ
โคนกลีบดอกเชื่อมติดกัน กลีบเลี้ยงสีเขียว 5 กลีบ ผล
ทรงกระบอก ติดกันเป็นคู่ ปลายผลแหลม ผิวเป็นมันลื่น พอแก่แตกออกด้านเดียว
เมล็ดรูปรีสีน้ำตาล มีขนปุยสีขาวติดอยู่
ส่วนที่ใช้ เถา ใบ
สรรพคุณ
เถา ต้มรับประทานเป็นยาแก้เมื่อย
ทำให้เส้นเอ็นหย่อน จิตใจชุ่มชื่น เป็นยาบำรุงเส้นเอ็นในร่างกายให้แข็งแรง
แก้เส้นเอ็นพิการ
ใบ ใช้โขลกให้ละเอียด ห่อผ้าทำลูกประคบ
ประคบตามเส้นเอ็นที่ปวดเสียวและตึงเมื่อยขบ ทำให้เส้นยืดหย่อนดี
กระแตไต่ไม้
กลุ่มยารักษาเบาหวาน
กระแตไต่ไม้
ชื่อวิทยาศาสตร์ Drynaria quercifolia (L.) J.Sm.
วงศ์ POLYPODIACEAE
ชื่ออื่น กระแตไต่ไม้
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ เฟิร์นอิงอาศัย เหง้าทอดยาว เส้นผ่านศูนย์กลาง
1.5-4 ซม. ยาวได้ถึง 1 ม. หรือมากกว่า มีเกล็ดสีน้ำตาลเข้ม เกล็ดแคบ กว้างประมาณ 1
มม. ยาวประมาณ 1.8 ซม. ปลายเรียวยาว รากสั้นๆ มีรากขนอ่อนสีน้ำตาล ใบเดี่ยว
มีรูปร่างและหน้าที่ต่างกัน 2 แบบ ใบไม่สร้างอับสปอร์เป็นรูปไข่ กว้าง 10-25 ซม.
ยาว 15-35 ซม. ปลายแหลม โคนมน ขอบหยักเว้ามนตื้นๆ เข้าหาเส้นกลางใบทั้ง 2 ด้าน
ปลายมน ไม่มีก้านใบ ใบชนิดนี้จะมีสีเขียวอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ต่อมาจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลและแห้งแต่ยังคงติดอยู่กับต้น
ดังนั้นจะเห็นซ้อนกันหลายใบ เป็นที่สะสมของใบไม้แห้งที่ตกลงมา
ซึ่งจะกลายเป็นปุ๋ยให้ต้น ใบสร้างอับสปอร์กว้าง 20-35 ซม. ยาว 0.6-1 ม.
รูปคล้ายใบประกอบแบบขนนก ขอบหยักเว้าลึกเข้าหาเส้นกลางใบทั้ง 2 ด้าน แต่ละหยักลึกเกือบถึงเส้นกลางใบ
ใบชนิดนี้มีสีเขียวตลอดอายุ เมื่อใบแก่แผ่นใบจะร่วงไป
คงเหลือส่วนก้านใบและเส้นกลางใบติดอยู่กับต้น เส้นใบเป็นร่างแห
กลุ่มอับสปอร์รูปกลมหรือรูปไข่ เรียงตัวค่อนข้างมีระเบียบ 2
ข้างของเส้นใบที่แบ่งกลางแต่ละแฉก
ส่วนที่ใช้ ส่วนหัว
สรรพคุณ ปรุงเป็นยาต้มรับประทานเป็นยาขับปัสสาวะ
แก้นิ่ว แก้ปัสสาวะพิการและกระปริกระปรอย
วิธีใช้ ใช้ส่วนหัวของกระแตไต่ไม้ ต้มรับประทาน
กระบือเจ็ดตัว
กลุ่มยาขับประจำเดือน
กระบือเจ็ดตัว
ชื่อวิทยาศาสตร์ Excoecaria
cochinchinensis Lour.
var.cochinchinensis
วงศ์ EUPHORBIACEAE
ชื่ออื่น กำลังกระบือ, ลิ้นกระบือ
(ภาคกลาง) ใบท้องแดง (จันทบุรี)
ส่วนที่ใช้ ใบ
ยางจากต้น
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ ไม้พุ่ม สูงได้ถึง 1.5 ม. มียางขาว ใบเดี่ยว มีทั้งเรียงตรงข้ามและเรียงสลับ รูปรี รูปไข่
หรือรูปไข่กลับ กว้าง 1.5-4 ซม. ยาว 4-12 ซม. ปลายแหลม โคนสอบ ขอบจักฟันเลื่อย แผ่นใบด้านบนสีเขียวเข้มเป็นมัน
ด้านล่างสีม่วงแดงหรือม่วงน้ำตาล เส้นแขนงใบข้างละ 7-12 เส้น
ก้านใบยาว 0.5-1.5 ซม. ดอกแยกเพศ อยู่ต่างต้น ออกตามง่ามใบ
ข้างใบ หรือปลายยอด ยาว 1-2 ซม. ช่อดอกเพศผู้มีดอกเล็กๆ
จำนวนมาก โคนก้านดอกมีใบประดับเล็กๆ ก้านดอกสั้น กลีบเลี้ยง 3 กลีบ เล็กมาก เกสรเพศผู้เล็กมาก มี 3 อัน
ช่อดอกเพศเมียสั้นกว่าช่อดอกเพศผู้และมีดอกเล็กๆ 3-6 ดอก
ก้านดอกยาว 2-5 มม. โคนก้านดอกมีใบประดับเล็กๆ
และมีต่อมเล็กๆ สีเหลือง กลีบเลี้ยงเล็ก มี 3 กลีบ รูปไข่
รังไข่เล็ก สีเขียวอมชมพู มี 3 ช่อง ก้านเกสรเพศเมียมี 3 อัน ผลเล็ก ค่อนข้างกลม มี 3 พู
สรรพคุณ ใบ ขับน้ำคาวปลาหลังคลอด เป็นยาขับเลือดเน่าสำหรับสตรีในเรือน
วิธีใช้ นำใบมาตำกับสุรา คั้นเอาน้ำรับประทาน
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)



